ขนมบัวลอย เป็นขนมหวานของไทยที่มีมาแต่โบราณ แป้งนุ่มๆหนึบๆ บวกกับความหอมของน้ำกะทิ วันนี้เรารวมสูตรบัวลอยให้ให้ลองทำลองเสิร์ฟพร้อมกันถึง 8 สูตรแป้งนุ่ม ท่านไหนสวนใจชอบแบบไหนก็ลองหาไปทำกันดูนะครับ
แต่ถ้าผมนึก “บัวลอย” บางทีก็จะนึกถึงเพลงดังของคาราบาวมาก่อนเลย ซะงั้น แต่ ขนมชนิดนี้ก็ไม่ได้ไปเกี่ยวกับเพลงหรอกนะครับ แต่ ด้วยคำว่าบัวลอยนั้น มันมีที่มีที่ไป มีประวัติที่น่าสนใจ เช่น
ประวัติ “บัวลอย”
ขนมบัวลอยเป็นขนมไทยพื้นบ้านของชาวไทย ที่รู้จักกันทั่วทุกภูมิภาค แต่ละพื้นที่จะมีสูตรและเคล็ดลับที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะขนมบัวลอย สูตรของนางกวยอัตจักร์ซึ่งเป็นชาวอีสานและมีภูมิลำเนาเป็นคนบ้านโนนศิลา อำเภอโนนศิลาโดยกำเนิด ได้รู้จักวิธีการทำขนมบัวลอยมาเมื่อครั้งยังเป็นสาว โดยได้เรียนรู้จากแม่ และเริ่มปรับปรุงพัฒนารูปแบบ ส่วนผสม ตลอดจนการรู้จักดัดแปลงหรือนำเอาวัสดุธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาเป็นส่วนผสม เช่น ใบเตย ดอกกุหลาบ หรือดอกอัญชัน มาคั้นเอาน้ำไปผสมกับแป้งเพื่อให้ได้สีสันที่สวยงาม น่ารับประทาน
ที่มา: https://sites.google.com/site/0926kanomthai/
ทราบประวัติกันแล้วก็ลองไปทำกันดู สำหรับ
วิธีทำ บัวลอย กันทั้ง 8 สูตรเลยครับ
-
บัวลอยไข่หวาน
เวลาไปเดินตลาดสด ตลาดนัด “บัวลอยไข่หวาน” เป็นขนมที่น่าจะทุกร้านขนมไทยต้องมีขาย ส่วนฝีมือร้านไหนจะเด็ดจะดัง คนจะเข้าเยอะเข้าน้อย ก็ต้องวัดกันดู แต่ คนเราจะชอบแบบไหนนั้น ถ้ามีสูตรทำเองได้ รับรองเราจะจูนรสชาติที่ถูกใจได้ครับ มาดูสูตรการทำกันเลย
ส่วนผสม บัวลอยไข่หวาน
- แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
- น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย
- เผือกนึ่งสุก (หรือสีผสมอาหารสีม่วง)
- ฟักทองนึ่งสุก (หรือสีผสมอาหารเหลือง)
- น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น (หรือสีผสมอาหารสีเขียว)
- กะทิ 1 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- ไข่ไก่
วิธีทำบัวลอยไข่หวาน
1. แบ่งแป้งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 นวดผสมแป้งกับน้ำเปล่าและเผือกนึ่งสุก ส่วนที่ 2 นวดแป้งกับน้ำเปล่าและฟักทองนึ่งสุก ส่วนที่ 3 นวดแป้งกับน้ำใบเตย นวดผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ แล้วนำไปคลุกแป้งข้าวเหนียวบาง ๆ เตรียมไว้
2. ใส่น้ำกะทิลงในหม้อ เติมน้ำตาลทรายและเกลือป่นคนผสมจนละลาย นำขึ้นตั้งไฟพอเดือด รีบปิดไฟ เตรียมไว้
3. ต้มน้ำเปล่าในหม้อจนเดือด นำบัวลอยลงต้มทีละสีจนลอยขึ้นมา จากนั้นตักขึ้นสะเด็ดน้ำ ใส่ลงในถ้วย ตักกะทิที่เตรียมไว้ใส่ลงไป
4. ตอกไข่ไก่ใส่ถ้วย ค่อย ๆ เทลงในหม้อน้ำกะทิ รอจนไข่สุกตามชอบ จากนั้นตักใส่ลงในถ้วยบัวลอย พร้อมเสิร์ฟ
-
บัวลอยไข่หวานเม็ดแมงลัก
เมนูนี้เป็นการเพิ่มออฟชั่น เม็ดแมงลักเข้าไป เวลาทานก็จะได้ว่าหนึบๆกรอบด้านในของเม็ดแมงลักมาเพิ่ม เมนูนี้ใครลองไปทำรับรองว่าสร้างความแปลกใหม่ให้กับคนในครอบครัวแน่ๆ เพราะไม่ได้หากินได้ง่ายตามร้านขายทั่วไป
ส่วนผสม บัวลอยไข่หวานเม็ดแมงลัก
- แป้งบัวลอยสำเร็จรูป 250 กรัม
- น้ำเปล่า (สำหรับต้มบัวลอย)
- กะทิสำเร็จรูป 1,000 กรัม
- น้ำตาลทราย 160 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- ใบเตยหอม (ล้างสะอาด)
- ไข่ไก่
- มะพร้าวอ่อน (หั่นเป็นชิ้น ๆ) 200 กรัม
- เม็ดแมงลัก
วิธีทำบัวลอยไข่หวานเม็ดแมงลัก
- ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อนำขึ้นตั้งไฟปานกลางรอจนน้ำเดือดพล่านแล้วใส่เม็ดบัวลอยลงไปต้มจนลอยขึ้นมาประมาณ 1 นาที จากนั้นปล่อยทิ้งไว้อีก 30 วินาที
2. ตักเม็ดบัวลอยที่สุกแล้วลงแช่ในน้ำเย็นสักครู่ ตักขึ้นมาพักไว้
3. ใส่กะทิลงในหม้อนำขึ้นตั้งไฟ เติมน้ำตาลทรายลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ เกลือป่น และใบเตยคนผสมจนน้ำตาลละลาย
4. ตอกไข่ไก่ลงไปต้มในกะทิจนสุก ตักขึ้นใส่ถ้วยพักไว้
5. ใส่เม็ดบัวลอยต้มสุกลงไปในกะทิคนผสมให้เข้ากัน ใส่มะพร้าวอ่อนลงไป
6. ตักบัวลอยน้ำกะทิใส่ถ้วย เตรียมไว้
7. แช่เม็ดแมงลักในน้ำจนพอง
8. ตักเม็ดแมงลักโรยลงในถ้วยบัวลอย พร้อมเสิร์ฟ
-
บัวลอยผัก บัวลอยดอกไม้
เมนูนี้ฟิวชั่นมาก เป็นความแปลกใหม่ที่มีคนคิดขึ้นมา บัวลอยดอกไม้สูตรนี้จากนิตยสาร Foodstylist สูตรนี้มาพร้อมความแปลกแป้งบัวลอยมีส่วนผสมของผักและดอกไม้ แป้งบัวลอยทำจากผักและดอกไม้ อาจเป็นเมนูที่แม่ๆ อยากอยากลองทำไว้ให้เด็กๆที่ไม่ชอบกินผักได้ลองกินดูนะครับ อาจจะช่วยให้เด็กกินผักได้มากขึ้น
ส่วนผสม บัวลอยผัก
- แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วย (ต่อผัก 30 กรัม)
- น้ำอุ่น 1/8 ถ้วย
- เผือกต้ม 30 กรัม
- ฟักทองต้ม 30 กรัม
- แครอทต้ม 30 กรัม
วิธีทำบัวลอยผัก
แบ่งแป้งข้าวเหนียวผสมน้ำอุ่นเป็น 3 ส่วน นำแต่ละส่วนไปผสมกับน้ำอุ่น และเนื้อฟักทอง เผือกต้ม และแครอทต้ม (แยกใส่เพื่อให้ได้สีตามต้องการ) นวดรวมผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วปั้นเป็นลูกกลม ๆ ตามต้องการ
ส่วนผสม บัวลอยดอกไม้
- แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง (ต่อน้ำดอกไม้ 1/4 ถ้วย)
- น้ำใบเตย 1/4 ถ้วย
- น้ำอัญชัน 1/4 ถ้วย
- น้ำกุหลาบ 1/4 ถ้วย
วิธีทำบัวลอยดอกไม้
แบ่งแป้งข้าวเหนียวผสมน้ำอุ่นเป็น 3 ส่วน นำแต่ละส่วนไปผสมน้ำใบเตย น้ำกุหลาบ และน้ำดอกอัญชัน (แยกใส่เพื่อให้ได้สีตามต้องการ) จากนั้นคลุกเคล้าและนวดรวมผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วปั้นเป็นลูกกลม ๆ ตามต้องการ
ส่วนผสม น้ำกะทิ (สำหรับ 4 ที่)
- หัวกะทิ 500 มิลลิลิตร
- หางกะทิ 300 มิลลิลิตร
- น้ำตาลทราย 250 กรัม
- เกลือป่น 2 ช้อนชา
วิธีทำน้ำกะทิบัวลอย : นำส่วนผสมทั้งหมดใส่หม้อแล้วตั้งไฟพอเดือด หรือจนน้ำตาลละลายเป็นอันใช้ได้
วิธีต้มบัวลอย : เมื่อได้แป้งบัวลอยสีตามต้องการแล้วให้นำไปคลุกกับแป้งข้าวเหนียวบาง ๆ แล้วนำไปต้มในน้ำเดือด
วิธีการสังเกตความสุก ถ้าแป้งบัวลอยสุกจะลอยขึ้นมา ตักใส่ชาม ราดด้วยน้ำกะทิอุ่นที่เตรียมไว้พอท่วม ถ้ามีเนื้อมะพร้าวอ่อนใส่ลงไปด้วยก็อร่อยมากยิ่งขึ้น
-
บัวลอยมันม่วงญี่ปุ่น
ขอบคุณภาพจาก : https://pantip.com/topic/35252506
มันม่วง เป็นมันชนิดหนึ่งที่ฮิตๆมาใน 3-4 ปีหลังนี้ เกษตรกรปลูกมากขึ้น และสามารถเอามาทำเป็นเมนูที่อร่อยแบบไทยๆได้ด้วยครับ แถมมันม่วงเข้าก็ว่ากันว่า มีคุณสมบัติที่ดีจากสารอาหารที่มีในตัวมัน น่าทำครับเมนูนี้
ส่วนผสม บัวลอยมันม่วงญี่ปุ่น
- แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง
- มันญี่ปุ่น (นึ่งสุกและบดละเอียด) 1/2 ถ้วยตวง
- น้ำร้อน 6 ช้อนโต๊ะ
- แป้งข้าวเหนียว (สำหรับทำแป้งนวล)
- น้ำเปล่า (สำหรับต้มเม็ดแป้ง)
- น้ำเย็น (สำหรับแช่เม็ดแป้ง)
- กะทิ (ความเข้มข้นปานกลาง) 2 ถ้วยตวง
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่นหยาบ 3/4 ช้อนชา
- เนื้อมะพร้าวเผา (หั่นเป็นเส้น) 1/2 ถ้วยตวง
- ใบเตย 2 ใบ
- หัวกะทิ 1/4 ถ้วยตวง
วิธีทำบัวลอยมันม่วงญี่ปุ่น
1. ผสมแป้งข้าวเหนียว มันญี่ปุ่นบดละเอียด และน้ำร้อนเข้าด้วยกัน นวดจนเนียนและสามารถปั้นเป็นก้อนได้
2. ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1/2 เซนติเมตร โรยแป้งนวลเล็กน้อย (เพื่อไม่ให้แป้งติดกัน)
3. ต้มน้ำเปล่าพอเดือด นำเม็ดแป้งลงต้มจนสุกลอยขึ้นมา ตักขึ้นไปแช่น้ำเย็นพอคลายความร้อน เสร็จแล้วตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
4. ใส่กะทิลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟพอร้อน ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย เกลือป่น เนื้อมะพร้าวเผา และใบเตยลงไปต้มพอเดือด เติมหัวกะทิลงไป
5. ใส่แป้งบัวลอยลงในหม้อคนให้เข้ากัน พอเดือดเล็กน้อยยกลง ตักใส่ถ้วย จัดเสิร์ฟ
-
บัวลอยสาคู
ปกติแล้วบัวลอยทั่วไปเป็นเม็ดกลม แต่สูตรนี้เป็นการเอาสาคูมาทำเป็นบัวลอยด้วยครับ ได้เนื้อสัมผัสที่แปลกใหม่ และอาจจะใช้ผสมกับบัวลอยแบบเดิมก็ได้ด้วยครับ มันจะมีมิติอาหารมากขึ้น
ส่วนผสม บัวลอยสาคู (สูตรนี้ทำได้ประมาณ 20 ถ้วย)
- สาคูเม็ดเล็ก 500 กรัม
- น้ำร้อนจัด 1+1/4 ถ้วย
- แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย
- น้ำดอกอัญชัน (หรือสีผสมอาหารสีม่วงเล็กน้อย)
- หัวกะทิ 7 ถ้วย
- หางกะทิ 3 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย
- เกลือสมุทร 1 ช้อนโต๊ะ
- แปะก๊วยต้มสุก
วิธีทำบัวลอยสาคู
- ใส่สาคูลงในอ่างผสม ค่อย ๆ ใส่น้ำร้อนลงไปแล้วนวดให้เข้ากันจนน้ำหมด ใส่สีผสมอาหารสีม่วงเล็กน้อย
2. ใส่แป้งมันสำปะหลังลงไปนวดให้เข้ากันดี
3. คลึงเป็นแผ่นแล้วใช้มีดตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร
4. เคล้าแป้งมันสำปะหลังให้ทั่วเพื่อไม่ให้แป้งจับตัวเป็นก้อน
5. ต้มน้ำให้เดือด ใส่สาคูลงต้มจนสุกลอย ตักขึ้นล้างน้ำเย็น
6. ใส่หัวกะทิและหางกะทิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง หมั่นคนจนเดือด
7. จากนั้นใส่น้ำตาลทรายและเกลือสมุทรลงไป หมั่นคนอยู่เสมอ พอเดือดอีกครั้งชิมรสให้หวานนำและเค็มปะแล่ม
8. ปิดไฟ ใส่สาคูต้มและแปะก๊วยต้มสุกลงไป ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
-
บัวลอยน้ำขิง
เมนูนี้ ทำขายก็ดี ทำกินเองก็ยอดเยี่ยมครับ เพราะบัวลอยน้ำขิงนั้นเป็นเมนูที่ร้านขนมๆต่างๆ มักนำมาเป็นเมนูเด่นเมนูนึง เพราะว่าความลงตัวของกลิ่นขิง และน้ำหวานๆของกะทิ ทำให้คนชิมคนกินได้ทั้งความอร่อย และมีขิงช่วยให้เลือดลมเดินสะดวก น้ำขิงช่วยให้หายท้องอืดท้องเฟ้อ เมนูนี้มักเสิร์ฟแบบร้อนๆ ครับ
ส่วนผสม ไส้บัวลอยงาดำ
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
- งาดำป่น 1 ถ้วย
- เนยถั่วชนิดหยาบ 170 กรัม
ส่วนผสม แป้งบัวลอย
- แป้งข้าวเหนียว (ตราช้างสามเศียร) 1 ถ้วย
- แป้งถั่วเขียว 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
- ผงแป้งข้าวเหนียวเล็กน้อย
ส่วนผสม น้ำขิง
- น้ำเปล่า 5 ถ้วย
- ขิงแก่เผาไฟ 3 - 4 ชิ้น
- น้ำตาลอ้อย 1 ถ้วย
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำไส้บัวลอยน้ำขิง
- เริ่มทำไส้ขนม โดยเทน้ำตาลทรายใส่อ่างผสม ตามด้วยงาดำป่น จากนั้นใส่เนยถั่วตามลงไป
2. คลุกส่วนผสมให้เข้ากันค่ะ (ถ้าไม่ชอบหวาน ลดน้ำตาลได้นะคะ)
3. ปั้นเป็นลูกกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. จากนั้นนำไปแช่ช่องแข็ง เตรียมไว้
วิธีทำแป้งบัวลอยน้ำขิง : เทแป้งข้าวเหนียวและแป้งถั่วเขียวลงใส่อ่างผสม ตามด้วยน้ำเปล่า นวดจนแป้งเนียนแล้วลองปั้นดูค่ะ ถ้ามีรอยแป้งแตกให้เติมน้ำได้เล็กน้อยค่ะ
วิธีทำน้ำขิง : ปอกขิงที่เผาไฟสัก 2-3 ชิ้น จะฝานเป็นแผ่น หรือทุบเล็กน้อยก็ได้ค่ะ ต้มน้ำให้เดือด ใส่ขิงลงไป ตามด้วยน้ำตาลอ้อยแล้วปล่อยให้เดือดสัก 5 นาที ยกลง
วิธีทำบัวลอยน้ำขิง
ปั้นแป้งกลม ๆ แล้วกดให้แบน ใช้มือแตะผงแป้งข้าวเหนียวเพื่อไม่ให้แป้งปั้นติดมือนะคะ
2. วางไส้ขนมลงไปตรงกลางแผ่นแป้งห่อให้มิดชิดค่ะ เวลาต้มไส้จะได้ไม่แตก
3. ห่อเรียบร้อยแล้วนำไปคลุกกับผงแป้งข้าวเหนียว เพื่อขนมจะได้ไม่ติดกันค่ะ จนไส้ขนมหมดนะคะ อย่าห่อแป้งหนามาก เวลารับประทานจะต้องอ้าปากกว้างเห็นลิ้นไก่นะคะ
4. เมื่อปั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วนำหม้อน้ำขิงขึ้นตั้งไฟ พอน้ำขิงเดือด นำขนมลงต้มทันทีค่ะ เมื่อขนมสุก ตัวขนมจะลอยขึ้นเหนือน้ำ ตักใส่ชามเสิร์ฟ
-
บัวลอยไมโครเวฟ
เมนูนี้ถูกปรับปรุงให้ทำได้ง่ายขึ้น เมื่อคุณๆ ไม่มีเตาแก๊ส มีแต่ไมโครเวฟ เหมาะกับคนที่อยู่หอพัก หรือ ที่อยู่ที่เขาไม่ให้ทำอาหารทำกับข้าวแบบเต็มตัว
ส่วนผสม บัวลอยไมโครเวฟ
- แป้งข้าวเหนียว 350 กรัม
- ฟักทอง (หั่นเป็นชิ้นเล็ก) 100 กรัม
- น้ำเปล่า (สำหรับต้มฟักทอง)
- เผือก (หั่นเป็นชิ้นเล็ก) 100 กรัม
- น้ำเปล่า (สำหรับต้มเผือก)
- น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 100 มิลลิลิตร
- กะทิสำเร็จรูป 2 ถ้วยตวง
- น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วยตวง
- เกลือป่น 1/2 ถ้วยตวง
วิธีทำบัวลอยไมโครเวฟ
1. ใส่ฟักทองลงในถ้วยกระเบื้อง เติมน้ำเปล่าให้ท่วม จากนั้นนำเข้าไมโครเวฟใช้ไฟแรงประมาณ 5 นาที จนฟักทองสุก เตรียมไว้
2. ใส่เผือกลงในถ้วยกระเบื้อง เติมน้ำให้ท่วม จากนั้นนำเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟแรงประมาณ 5 นาที จนเผือกสุก เตรียมไว้
3. แบ่งแป้งข้าวเหนียวเป็น 3 ส่วน แล้วนำไปผสมกับฟักทองต้มสุก ผสมกับเผือกต้มสุก และผสมกับน้ำใบเตย นวดให้เข้ากันจนแป้งเปลี่ยนสี จากนั้นปั้นแป้งแต่ละสีเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ เตรียมไว้
4. ใส่น้ำเปล่าลงในถ้วยกระเบื้องนำเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟแรง ต้มน้ำจนเดือด นำถ้วยออกจากเตา จากนั้นใส่เม็ดบัวลอยทั้งหมดลงในน้ำเดือดแล้วนำกลับเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟแรง ต้มนานประมาณ 5 นาที จนเม็ดบัวลอยสุก และลอยขึ้น นำออกจากเตา ตักบัวลอยพักทิ้งไว้ในน้ำเย็น
5. คนผสมกะทิ น้ำตาลปี๊บ และเกลือเข้าด้วยกัน นำเข้าไมโครเวฟใช้ไฟแรงประมาณ 3-5 นาที นำออกจากเตา เติมเม็ดบัวลอยลงในกะทิ นำกลับเข้าเตา ต้มนานประมาณ 2 นาที นำออกจากเตา ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
-
บัวลอยสายรุ้ง
ภาพจาก : https://www.pinterest.com/pin/439734351121063976/
วันนี้ขอชวนสาว ๆ มาทำ “บัวลอยสายรุ้ง” เมนูบัวลอยไข่หวานหลากสีสัน เด็กๆและสายเกาหลีน่าจะชอบ แล้วไปดูวิธีทำขนมบัวลอยกันเลยยย
วัตถุดิบแป้งบัวลอยสายรุ้ง
- แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม
- แป้งมัน 10 กรัม
- สีผสมอาหาร อย่างละ 4 หยด (สีม่วง / สีฟ้า/ สีเขียว / สีเหลือง / สีแดง)
- น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ 8 ช้อนโต๊ะ
- กะทิ 4 ถ้วย (หางกะทิ 2 ถ้วย + หัวกะทิ 2 ถ้วย)
- น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
- น้ำตาลทราย 80 กรัม
- เกลือป่น 1/4 ช้อนโต๊ะ
- มะพร้าวอ่อนหั่นชิ้นพอคำ 50 กรัม
- ไข่ไก่ 2 ฟอง (ใส่เพิ่มได้ตามต้องการ)
*หมายเหตุ น้ำกะทิสูตรนี้จะไม่หวานมาก สามารถเติมน้ำตาลเพิ่มได้ แต่ถ้าอยากได้กลิ่นหอมของน้ำกะทิ ก็เติมใบเตยลงในน้ำกะทิได้
วิธีทำ
เตรียมแป้งบัวลอย
นำแป้งข้าวเหนียวใส่ลงในถ้วยผสม ตามด้วยแป้งมัน สีผสมอาหาร และค่อยๆ เติม น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ทีละ 1 ช้อนโต๊ะ ควบคู่ไปกับการนวดแป้ง ใส่น้ำจนครบ 8 ช้อนโต๊ะ ให้ได้แป้งที่เนื้อเนียนเป็นเนื้อเดียวกันและนุ่ม ไม่เหลวติดมือ นำผ้าขาวบางหรือแล็ปคลุมแป้งไว้ ไม่ให้ถูกอากาศ แล้วพักแป้งไว้เพื่อปั้น ผสมแป้งซ้ำจนครบ 5 สี
เมื่อได้แป้งครบทุกสีแล้ว ปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาด 1 ซม. ให้ครบทุกสี แล้วนำไปต้มใน น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ที่ต้มจนเดือดจัด เมื่อแป้งลอยตัวให้ช้อนแป้งขึ้นมา พักไว้ในน้ำเย็น เพื่อต้มรวมกับน้ำกะทิ
TIP : ไม่ควรปั้นแป้งบัวลอยเกินขนาด 1 ซม. เพราะแป้งบัวลอยเวลาสุกจะขยายตัวเพิ่มขึ้น
เตรียมน้ำกะทิ+ไข่หวาน
นำหม้อขึ้นตั้งบนเตาแก๊ส จากนั้นใส่หางกะทิ น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย และเกลือ โดยใช้ไฟกลาง คนให้ส่วนผสมเข้ากัน จากนั้นตอกไข่ลงในน้ำกะทิทีละฟอง เมื่อไข่สุกตักขึ้นพักไว้ เตรียมใส่ในบัวลอย
ต้มบัวลอย+จัดเสิร์ฟ
หลังจากที่ตักไข่ขึ้นจากน้ำกะทิ ให้เติมหัวกะทิลงไปในหางกะทิ แล้วคนให้ส่วนผสมเข้ากัน จากนั้นนำบัวลอยที่พักไว้ (STEP 1) และมะพร้าวอ่อน ใส่ลงไปในน้ำกะทิ แล้วต้มเป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาที เพื่อให้ความหวานมันจากน้ำกะทิ ซึมเข้าให้ไปในแป้งบัวลอย เมื่อครบเวลาแล้วตักใส่ถ้วยท็อปด้วยไข่หวาน และเนื้อมะพร้าว เท่านี้ก็ได้ “บัวลอยสายรุ้ง” ไปให้ทุกคนในครอบครัวได้ทานกันแล้ว
เรียบเรียงบทความจาก :
https://cooking.kapook.com/view139409.html
และ https://www.wongnai.com/recipes/coconut-milk-bua-loy-rainbow