สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวจังหวัดหนองบัวลำภูและจังหวัดใกล้เคียงให้ความนับถือมาตั้งแต่อดีตโบราณกาล หากผู้อ่านมีโอกาสผ่านไปผ่านมาในเส้นทางริมถนนทางหลวงสายหนองบัวลำภู-อุดรธานี ช่วงจะขึ้นเขาโดยห่างจากจังหวัดประมาณ 4 กิโลเมตร เท่านั้น ท่านจะสังเกตเห็นศาลาทรงไทยบารณแบบอีสาน จำนวน 3 หลัง มุงครอบด้วยโครงหลังคาเหล็กสีแดงหลังใหญ่ครอบไว้อีกชั้นหนึ่งซึ่งอยู่ติดริมถนนสายดังกล่าว ช่วงถนนตัดผ่านกลางเทือกเขาภูพาน มีป้ายเขียนไว้ว่า "ศาลปู่หลุบ"
ขอขอบคุณภาพจาก : http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9428551/E9428551.html
เพื่อไม่ให้เสียเวลา จะขอเล่าอดีตความเป็นมาพอสังเขปเท่าที่ทราบ ศาลเจ้าปู่หลุบนี้มีมาตั้งแต่เมื่อใดไม่สามารถทราบได้ แต่ศึกษาจาก ประวัติสาสตร์ของจังหวัด ทราบว่า ปู่หลุบเป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้าคงกระพัน เป็นทหารเอกของ พระวอพระตา เจ้าเมืองผู้ครองนครแห่งนี้ (คือจังหวัดปัจจุบัน) ซึ่งในอดีตเคยเป็นหัวเมืองที่ขึ้นตรงกับกรุงเวียงจันทร์ สถานที่ตั้งศาลปู่หลุบปัจจุบันนี้ ในอดีตเป็นทำเลที่ตั้งประตูเมือง ด่านที่ผ่านเข้า-ออกเมือง
ผู้ที่ขับรถผ่านไปมาต่างให้การแวะสักการะหรือไม่ต้องบีบแตรเป็นการคารวะเพราะต่างเชื่อมั่นว่า...ศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์มีเดช...ไม่มีใครกล้าลบหลู่ดูหมิ่นหรือกล้าลองของแต่อย่างใด ประชาชนในท้องถิ่นและจังหวัดใกล้เคียงต่างแห่กันไปขอพรหรือบนบานสานกล่าว ไม่ว่าจะเป็น ทำข้าวของหาย ลูกหลานจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ไม่ยกเว้นแม้แต่นักการเมืองระดับต่างๆ (ส.อบต. สท. สจ. สส.) เมื่อถึงคราวมีการเลือกตั้ง และเมื่อได้ตามที่บนบานสานกล่าวบ้างก็แก้บนด้วยเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ นานา แต่ที่พิลึกประหลาดสุดๆ ที่นักการเมืองท้องถิ่นผู้หนึ่งแย้มความลับสุดๆ ให้ทราบหากบนบานสานกล่าวด้วยสิ่งที่ท่านชอบ...หมอลำซิ่ง...หางเครื่องสวย...แล้วล่ะก็ ยากที่จะพลาดทิ้งท้ายด้วยคำพูดเอาจริงเอาจังพร้อมทั้งสำทับห้ามเปิดเผย นี่คือ เคล็ดลับ...ที่ไม่ลับ
ในเรื่องไสยศาสตร์ ยากที่จะพิสูจน์ได้ โบราณท่านว่าไว้ "ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่" นี่คือพฤติกรรมอีกอย่างของคนในสังคมไทย โดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจตกต่ำ ข้าวของแพง ค่าแรงต่ำคงปฏิเสธไม่ได้ นั่นคือที่พึ่งทางใจ และอาจมีมากมายหลายสถานที่ที่เราไม่รู้ ซึ่งยังมีผู้คนพากันไปบนบานสานกล่าว ขอเลขขอหวยมามากมายนักต่อนักแล้ว...ใครจะไปรู้...
ตำนานประวัติศาลปู่หลุบ
ปู่หลุบเป็นชื่อคนจริงในอดีตเมื่อประมาณ 200 ปี ที่ผ่านมา ปัจจุบันเป็นชื่อศาลอันเป็นที่สถิตของดวงวิญญาณตามความเชื่อดั้งเดิมของคนในท้องถิ่น ศาลปู่หลุบจะมีอยู่ 3 แห่ง ใหญ่ๆ คือ ลำปางแห่งหนึ่ง ดงลานห่งหนึ่ง และอีกแห่งคือหนองบัวลำภู ประวัติความเป็นมาของปู่หลุบ เดิมนั้นท่านเป็นคนหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ มีชีวิตอยู่ในช่วงปี พ.ศ.2350-2390 เป็นผู้มีรูปร่างใหญ่ แข็งแรง กล้าหาญ และมีการศึกษาทางด้านอยู่ยงคงกระพัน การที่ท่านมีคุณลักษณะดังกล่าวจึงถูกเลือกเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน
อยู่ต่อมาระยะหนึ่งเกิดความขัดแย้งกันในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียง จึงอพยพครอบครัวพร้อมญาติพี่น้องที่ใกล้ชิด รวมทั้งกลุ่มของเทพชมภูมาสร้างบ้านแปลงเมืองใหม่ที่อยู่บ้านลำภู เขตเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู ต่อมามีความขัดแย้งกันกับกลุ่มของเทพชมภู จึงอพยพครอบครัวไปอยู่บ้านโนนป่าหว้าน (เขตอำเภอสุวรรณคูหา) ลักษณะพฤติการณ์ที่ผ่านมาแสดงว่ามีการต่อสู้กันระหว่างชนกลุ่มผู้แข็งแรงเท่านั้นจึงจะอยู่ได้ และปู่หลุบก็ต่อสู้อย่างโชกโชนในชีวิตของการเป็นมนุษย์ชาติในวาระสุดท้าย ท่านเสียชีวิตและขอให้เป็นใหญ่ในโลกแห่งวิญญาณตั้งแต่เขตภูพานถึงเทือกเขาแดนลาว ลักษณะความเชื่อของกลุ่มชนมีมากมายหลากหลายไม่สามารถจำกัดได้ เมื่อมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นในหมู่บ้านที่ไปทำมาหากินตามวิถีทางแห่งการคงอยู่ ประชาชนคนนั้นก็ขอขมาลาโทษ อย่าให้มีเวรกรรมต่อกัน ก็หลายสาเหตุเนื่องมาจากความเชื่อและความกลัวผสมกัน มีอะไรเกิดขึ้นก็ว่าปู่หลุบเข้าสิงโดยมีสื่อกลางระหว่างผีกับคนนั้นคือ "นางเทียม เช่น ยายดำบ้านวังหมื่น เทียมว่าปู่หลุบเข้าสิงเพื่อมาอยู่กับเจ้าพระวอ พระตา จึงรับปู่หลุบไว้เพื่อรักษาเขตแดนซึ่งเห็นได้ในปัจจุบันตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 210 อุดรธานี-หนองบัวลำภู เมื่อรถทุกชนิดวิ่งผ่านจะบีบแตรเป็นสัญญาณเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ปัจจุบันชาวหนองบัวลำภูมีการรำบวงสรวงทุกปี
ที่มา : http://61.19.54.141/nbl/poolop.htm